บทที่ 2 ตอนที่ 2

“รับไปสิ” กานติมาคะยั้นคะยอ ก่อนจะพูดขึ้นอย่างรู้ทัน “ไม่ต้องมาทำเป็นอึกอักเลย เมื่อหลายวันก่อน แกก็เอาบัตรเชิญของฉันไปใช้แล้วนี่”

ใบหน้ารูปหัวใจของปรางสิตาเบิกกว้างด้วยความตกใจ ก่อนที่หน้าจะซีดเผือดอย่างรู้สึกผิด

“ฉันขอโทษค่ะคุณนาย”

“ไม่เป็นไรหรอก วันๆ ฉันได้บัตรเชิญมากมาย แกแบ่งเอาไปบ้างก็ดี” กานติมาโบกมือไปมาอย่างไม่ใส่นัก “และที่สำคัญ คนอื่นจะได้คิดว่าแกเป็นฉัน คราวนี้เวลาฉันออกไปไหน คนก็จะไม่รู้ว่าแท้จริงแล้วฉันคือกานติมา...”

“เอ่อ...”

“เอาน่า ไม่ต้องมาอึกอักหรอก เอาไปเถอะ อ้อ แล้วนี่เงิน” กานติมาหยิบเงินมาส่งให้หญิงสาวหลายพันอย่างใจป้ำ “เอาไปซื้อชุดสวยๆ ใส่ เดี๋ยวคนในงานจะคิดว่ากานติมาแม่หม้ายสาวพราวเสน่ห์รวยไม่จริง”

“แต่คุณนายคะ...”

“แกอย่าเรื่องมากน่า เอาไปเถอะ” แล้วกานติมาก็ยัดเงินกับบัตรเชิญใส่มือเล็กของปรางสิตา

ปรางสิตาไม่รู้จะปฏิเสธยังไงดี จึงทำได้แค่รับเงินกับบัตรเชิญมาและกล่าวขอบคุณ

“ขอบคุณคุณนายมากค่ะ”

“แกไม่ต้องมาขอบคุณฉันหรอก แค่แสดงเป็นฉันให้แนบเนียนก็พอ เข้าใจไหม”

กานติมามองเห็นข้อดีของการที่จะให้ปรางสิตาสวมรอยเป็นตนเองขึ้นมาทันที ต่อจากนี้ไป เมื่อทุกคนคิดว่าปรางสิตาคือหล่อน เวลาออกจากบ้าน หล่อนก็ไม่ต้องปิดหน้าด้วยผ้าปิดปาก และสวมแว่นตา สวมหมวกปีกกว้างอีกแล้ว

“ค่ะ คุณนาย”

กานติมาอมยิ้ม คว้ากระเป๋าสะพายใบละหลายล้านขึ้นมาคล้องบ่า และเอ่ยขึ้น

“แกไปเลือกรองเท้าที่เข้ากับชุดให้ฉันหน่อย เสร็จแล้ว แกก็ออกไปซื้อชุด เสื้อ รองเท้าสำหรับงานเลี้ยงคืนนี้เลย ฉันอนุญาตให้แกหยุดงานได้หนึ่งวัน”

“ขอบ... ขอบคุณค่ะคุณนาย”

กลีบปากที่เคลือบด้วยลิปสติกสีแดงสดคลี่เป็นรอยยิ้ม ความสุขของหล่อนมีเงินเป็นตัวดลบันดาล เพราะอย่างนี้ไง หล่อนถึงได้กอบโกยเงินจากผัวแก่อย่างเอาเป็นเอาตาย

เมื่อเจ้านายสาวสวยเดินออกไปจากห้องพักแล้ว ปรางสิตาก็ลดสายตาลองมองเงินกับบัตรเชิญในมือ ลมหายใจถูกผ่อนออกจากกลีบปากอิ่มหนาแรงๆ ในอกหนักอึ้งเป็นที่สุด

การสวมรอยเป็นกานติมาไปงานเลี้ยงเมื่อหลายคืนก่อนมันคือหลุมดำที่สุดในชีวิตของหล่อนเลยทีเดียว เพราะในงานเลี้ยงนั้น หล่อนพบกับเขาอีกครั้ง

ผู้ชายตัวสูงใหญ่ หล่อเหลา โดดเด่นที่สุดในงาน ผู้ชายคนเดียวกับที่เจอในโรงแรม และเขาก็เข้าใจผิดคิดว่าหล่อนเป็นโสเภณี หล่อนพยายามอยู่ห่างเขา ไม่ไปเข้าใกล้กับเขา เพราะรู้ว่าเขาขยะแขยง เลยเลือกที่จะไปคุยกับผู้ชายสูงวัยแทน แต่สวรรค์กลับไม่เข้าข้างหล่อนเลย เมื่อชายสูงวัยดันบังเอิญเป็นบิดาของผู้ชายหล่อเหลาคนนั้น

หล่อนตกใจ อึ้งไป และพยายามปลีกตัวหนี แต่ชายสูงวัยรั้งหล่อนเอาไว้ด้วยน้ำเสียงเอ็นดู ในขณะที่ผู้เป็นลูกชายกลับมองหล่อนด้วยสายตาดูถูกดูแคลน

หล่อนไม่อยากไปพบหรือเจอเขาอีก ภาวนาให้เขากับพ่อไม่ไปร่วมงานเลี้ยงในค่ำคืนนี้

เพราะในตู้เสื้อผ้าไม่มีชุดสวยๆ ใดเลยที่พอจะใส่ไปงานเลี้ยงหรูหราได้ และหล่อนก็ไม่อยากจะไปหยิบชุดราคาแพงของกานติมามาสวมใส่อีก หล่อนจึงกำเงินออกมาจากคฤหาสน์หรู เพื่อมาหาซื้อชุดราตรีเพื่อใส่ไปงานเลี้ยง

“เชิญค่ะ คุณลูกค้า ไม่ทราบว่าสนใจชุดประมาณไหนคะ”

ทันทีที่เหยียบย่างเข้ามาภายในร้านเสื้อที่ตั้งอยู่ริมถนน พนักงานสาวสวยก็รีบออกมาต้อนรับ แม้จะมองหล่อนด้วยสายตาเหยียดๆ หน่อย เพราะการแต่งกายแสนธรรมดาของหล่อนก็ตาม

“เอ่อ... ต้องการชุดราตรีสักชุดน่ะค่ะ เอาแบบที่ถูกที่สุดในร้านนะคะ”

“ถ้าถูกที่สุดในร้านก็ประมาณชุดล่ะแปดพันค่ะคุณลูกค้า”

ทันทีที่ได้ยินราคา ปรางสิตาก็เบิกตาโต ก่อนจะควักเงินออกมาจากกระเป๋ากระโปรง แล้วนับ โดยมีสายตาเหยียดๆ ของพนักงานสาวสวยมองอยู่ตลอดเวลา เพราะลุ้นว่าลูกค้าที่แต่งตัวกระจอกจะมีเงินจ่ายค่าชุดที่ราคาถูกที่สุดในร้านของตนเองหรือเปล่า

“สองหมื่นแปด สองหมื่นเก้า สามหมื่น...”

ปรางสิตานับธนบัตรครบทุกใบแล้วก็เงยหน้าขึ้นระบายยิ้มผ่อนคลายให้กับคู่สนทนา ซึ่งพนักงานขายเองก็ยิ้มกว้างทันทีเมื่อรู้ว่าลูกค้ามีเงินพอซื้อชุดในร้าน

“ฉันมีสามหมื่นค่ะ แต่ขอแค่ชุดละแปดพันก็พอค่ะ เพราะฉันต้องไปหาซื้อรองเท้า กับกระเป๋าถือใบเล็กๆ อีกสักใบ” ปรางสิตาบอกคู่สนทนาไปตามความจริง

“งั้นเอาอย่างนี้ไหมคะ ทางร้านของเรามีทั้งชุด รองเท้า และกระเป๋าตามที่คุณลูกค้าต้องการค่ะ เดี๋ยวดิฉันจะจัดรวมชุดให้ เอาที่เข้ากัน และราคารวมกันไม่เกินงบของคุณลูกค้านะคะ สนใจไหมคะ”

“เอ่อ...”

“ถ้าซื้อทั้งชุด กระเป๋า และรองเท้าจากร้านของเรา จะได้ส่วนลดค่ะ ซึ่งดิฉันมั่นใจว่าคุณลูกค้าหาราคางามๆ แบบนี้ที่ไหนไม่ได้อีกแล้วละค่ะ”

ปรางสิตาไม่เคยมีประสบการณ์เช่นนี้มาก่อนจึงทำได้แค่คล้อยตามคำชี้ชวน

“งั้น... รบกวนด้วยค่ะ”

บทก่อนหน้า
บทถัดไป